ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Robert Darwin)

ชาลส์ ดาร์วิน
ชาลส์ ดาร์วิน ในวัย 45 ปี
วันที่เกิด 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1809
Mount House, ชรูสบรีชร็อพไชร์อังกฤษ
วันที่เสียชีวิต         19 เมษายน ค.ศ. 1882 (73 ปี)
Down House, Downe, เคนท์อังกฤษ
เมืองที่อาศัย          อังกฤษ
สัญชาติ  อังกฤษ
เชื้อชาติ อังกฤษ
กลุ่มวัฒนธรรม    อังกฤษ
สาขา      ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
สถาบันที่ทำงาน  Geological Society of London
สถาบันการศึกษาที่เรียน    มหาวิทยาลัยเอดินเบอระ
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
อาจารย์ที่ปรึกษา  John Stevens Henslow
Adam Sedgwick
งานที่เป็นที่รู้จัก   The Voyage of the Beagle
On the Origin of Species
Natural selection
มีอิทธิพลต่อ         Alexander von Humboldt
John Herschel
Charles Lyell
ได้รับอิทธิพลจาก                Joseph Dalton Hooker
Thomas Henry Huxley
George Romanes
Ernst Haeckel
รางวัลที่ได้รับ       Royal Medal (1853)
Wollaston Medal (1859)
Copley Medal (1864)
ด้วยความพิศวงกับการกระจายตัวของสิ่งมีชีวิตในภูมิภาคที่แตกต่างกัน กับฟอสซิลที่เขาสะสมมาระหว่างการเดินทาง ดาร์วินเริ่มการศึกษาอย่างละเอียด และในปี ค.ศ. 1838 จึงได้สรุปเป็นทฤษฎีการคัดเลือกตามธรรมชาติ[9] แม้ว่าเขาจะอภิปรายแนวคิดของตนกับนักธรรมชาติวิทยาหลายคน แต่ก็ยังต้องการเวลาเพื่อการวิจัยเพิ่มเติม โดยให้ความสำคัญกับงานด้านธรณีวิทยา[10] เขาเขียนทฤษฎีของตนขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1858 เมื่อ อัลเฟรด รัสเซล วอลเลซ ส่งบทความชุดหนึ่งที่อธิบายแนวคิดเดียวกันนี้มาให้เขา และทำให้เกิดการรวมงานตีพิมพ์ของทฤษฎีทั้งสองนี้เข้าด้วยกันในทันที[11] งานของดาร์วินทำให้เกิดวิวัฒนาการสืบเนื่องต่อมา โดยดัดแปลงมาเป็นคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ที่มีอิทธิพลยิ่งต่อแนวคิดเรื่องความหลากหลายทางชีววิทยาในธรรมชาติ[3] ในปี ค.ศ. 1871, เขาได้ตรวจดู วิวัฒนาการของมนุษย์ และ การคัดเลือกทางเพศ ใน The Descent of Man, and Selection in Relation to Sex ตามด้วย The Expression of the Emotions in Man and Animals. งานวิจัยเกี่ยวกับพืชได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือชุดหลายเล่ม ในเล่มสุดท้ายเขาได้ตรวจสอบ ไส้เดือน และอิทธิพลที่มันมีต่อดิน[12]
ดาร์วินได้รับยกย่องในฐานะนักวิทยาศาสตร์โดยมีการจัดพิธีศพอย่างเป็นทางการในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ และฝังร่างของเขาไว้เคียงข้างกับจอห์น เฮอร์เชล และ ไอแซก นิวตัน[13]เขาได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ[14][15]
ประวัติ
วัยเด็กและวัยเรียน
ชาลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน เกิดที่เมืองชรูซบรี ชรอพเชอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1809 ที่บ้านของตระกูล คือเดอะเมานท์[16] เขาเป็นบุตรคนที่ห้าในจำนวนทั้งหมด 6 คนของครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยและมีชื่อเสียงครอบครัวหนึ่งของอังกฤษ บิดาของดาร์วินเป็นนายแพทย์ชื่อว่า โรเบิร์ต วอริง ดาร์วิน มารดาชื่อ ซูซานนา ดาร์วิน (สกุลเดิม เวดจ์วูด) เขาเป็นหลานของเอรัสมัส ดาร์วิน กับ โจสิอาห์ เวดจ์วูด ทั้งสองตระกูลนี้เป็นคริสตชนยูนิทาเรียน (Unitarian) ผู้เคร่งครัดที่เชื่อว่ามีพระเจ้าเพียงองค์เดียว แต่ตัวโรเบิร์ต ดาร์วิน นั้นเป็นคนหัวเสรี และให้ชาลส์บุตรชายไปรับศีลในโบสถ์ของนิกายแองกลิกัน แต่ชาลส์กับพี่น้องก็ไปเข้าโบสถ์ของยูนิทาริสต์กับมารดา เมื่อชาลส์อายุ 8 ขวบ ได้หลงใหลในประวัติศาสตร์ธรรมชาติและเริ่มสะสมสิ่งต่างๆ เมื่อเขาเข้าโรงเรียนเมื่อปี ค.ศ. 1817 มารดาของเขาเสียชีวิตเมื่อเดือนกรกฎาคมปีนั้น นับจากเดือนกันยายน ค.ศ. 1818 เขาก็ไปอยู่ประจำที่โรงเรียนซรูซบรีอันเป็นโรงเรียนนิกายแองกลิกัน กับพี่ชายของตนคือ เอรัสมัส อัลวีย์ ดาร์วิน[17]
ชาลส์ ดาร์วิน วัยเจ็ดขวบ เมื่อปี ค.ศ. 1816
ช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 1825 ดาร์วินใช้เวลาเป็นผู้ช่วยแพทย์ฝึกหัด โดยช่วยบิดาของตนในการรักษาคนยากจนในชรอพเชอร์ ก่อนจะเข้าเรียนวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอดินเบอระ พร้อมกับเอรัสมัสพี่ชาย ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1825 แต่ดาร์วินกลับเห็นชั่วโมงบรรยายเป็นสิ่งน่าเบื่อ ทั้งไม่ชอบการผ่าตัด จึงไม่เอาใจใส่การเรียน เขาเรียนวิธีสตาร์ฟสัตว์ตายจาก จอห์น เอ็ดมอนสโตน ทาสผิวดำที่ได้เป็นไทซึ่งร่วมงานอยู่กับชาลส์ วอเทอร์ทันในป่าดงดิบตอนใต้ของอเมริกา และมักจะนั่งคุยกับ "ชายผู้เฉลียวฉลาดและน่าคบหา" คนนี้อยู่เป็นประจำ[18]
วินเข้าร่วมสมาคมพลิเนียน (Plinian Society) ซึ่งเป็นกลุ่มศึกษาด้านประวัติศาสตร์ธรรมชาติในมหาวิทยาลัยเอดินเบอระ เขาช่วยเหลือโรเบิร์ต เอ็ดมอนด์ แกรนท์ ในการสำรวจศึกษาลักษณะทางกายภาพและวงจรชีวิตของสัตว์ทะเลที่ไม่มีกระดูกสันหลังในเฟิร์ธออฟฟอร์ธ วันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 1827 เขานำเสนอการค้นพบของตนต่อสมาคมพลิเนียนว่า จุดสีดำที่พบในเปลือกหอยนางรมนั้นเป็นไข่ของปลิง วันหนึ่ง แกรนท์ยกย่องแนวคิดเรื่องวิวัฒนาการของ ชอง-แบบติสต์ ลามาร์ค (Jean-Baptiste Lamarck) ดาร์วินถึงกับตะลึง แต่ก่อนหน้านั้นเขาเคยอ่านแนวคิดคล้ายคลึงกันนี้จากเอรัสมัสผู้เป็นปู่ และเห็นว่ามันไม่ต่างกัน[19] ดาร์วินค่อนข้างเบื่อหน่ายกับวิชาประวัติศาสตร์ธรรมชาติของโรเบิร์ต เจมสัน ซึ่งวุ่นวายกับธรณีวิทยา รวมถึงการโต้แย้งกันระหว่างทฤษฎีการเกิดของน้ำ (Neptunism) กับทฤษฎีการเกิดพลูตอน (Plutonism) เขาได้เรียนรู้การจัดอันดับของพืช และได้ช่วยงานด้านการเก็บรักษาในรอยัลมิวเซียม ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปในเวลานั้น[20]
การไม่เอาใจใส่การเรียนแพทย์เช่นนี้ทำให้บิดาของเขาไม่พอใจ ภายหลังจึงส่งเขาไปยังวิทยาลัยไครสต์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เพื่อศึกษาในคณะอักษรศาสตร์สำหรับการเตรียมตัวเข้าบวชในนิกายแองกลิกัน ดาร์วินสอบไทรพอส ไม่ผ่าน จึงสำเร็จการศึกษามาด้วยปริญญาระดับปกติ เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 1828[21] ดาร์วินชอบท่องเที่ยวและกีฬายิงปืนมากกว่าการเล่าเรียน ญาติคนหนึ่งของเขาคือ วิลเลียม ดาร์วิน ฟ็อกซ์ จึงแนะนำให้เขาไปเข้าร่วมชมรมสะสมแมลงเต่าทอง ซึ่งดาร์วินตั้งหน้าตั้งตาร่วมกิจกรรมอย่างกระตือรือร้น จนงานค้นพบของเขาได้รับการตีพิมพ์ใน Illustrations of British entomology ของเจมส์ ฟรังซิส สตีเฟน ดาร์วินกลายเป็นเพื่อนสนิทและผู้ติดตามของศาสตราจารย์ด้านพฤกษศาสตร์ จอห์น สตีเฟน เฮนสโลว์ และได้พบปะกับนักธรรมชาติวิทยาชั้นแนวหน้าหลายคน จนกระทั่งใกล้ถึงการสอบปลายภาค ดาร์วินจึงหันมาสนใจการเรียนแล้วมาชื่นชอบงานเขียนของวิลเลียม พาลีย์ Evidences of Christianity[22] ดาร์วินทำคะแนนได้ดีในการสอบไล่ครั้งสุดท้ายในเดือนมกราคม ค.ศ. 1831 โดยได้ลำดับที่ 10 จาก 178 คนที่อยู่ในหลักสูตรปริญญาปกติ[23]
ดาร์วินยังต้องอยู่เคมบริดจ์จนกระทั่งเดือนมิถุนายน เขาศึกษางานของพาลีย์ เรื่อง Natural Theology ซึ่งทำให้เกิดข้อโต้แย้งเรื่องการออกแบบธรรมชาติจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยอธิบายถึงการปรับตัวของธรรมชาติว่าเป็นการกระทำของพระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านกฎของธรรมชาติ[24]เขาอ่านหนังสือใหม่ของจอห์น เฮอร์เชล ซึ่งอธิบายจุดประสงค์สูงสุดของปรัชญาทางธรรมชาติด้วยการทำความเข้าใจกับกฎเกณฑ์เหล่านั้นผ่านการให้เหตุผลโดยอุปนัยโดยมีพื้นฐานจากการสังเกต และงานเขียนของอเล็กซานเดอร์ ฟอน ฮัมโบลท์ เรื่อง Personal Narrative เกี่ยวกับการเดินทางของวิทยาศาสตร์ ด้วยแรงบันดาลใจจากภายใน ดาร์วินวางแผนจะไปเยือนเตเนรีเฟกับเพื่อนร่วมชั้นหลังจากจบการศึกษา เพื่อไปศึกษาประวัติศาสตร์ธรรมชาติในบริเวณภูมิภาคนั้น ระหว่างเตรียมการ เขาเข้าเรียนหลักสูตรธรณีวิทยาของอดัม เซดจ์วิค จากนั้นใช้เวลาครึ่งเดือนในช่วงฤดูร้อนเพื่อทำแผนที่ในเวลส์[25] และอีก 1 สัปดาห์กับเพื่อนนักเรียนในบาร์มอธ หลังจากนั้นเมื่อเขากลับมาบ้าน จึงได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากเฮนสโลว์เสนอให้ดาร์วินเป็นนักธรรมชาติวิทยา (แม้ยังเรียนไม่จบ) โดยใช้ทุนวิจัยของตนเอง ร่วมกับกัปตันโรเบิร์ต ฟิตซ์รอย ในการเดินทางร่วมกับเรือหลวงบีเกิลที่กำลังจะออกเดินทางไปยังชายฝั่งอเมริกาใต้ภายในเวลา 4 สัปดาห์[26] บิดาของเขาไม่เห็นด้วยกับการต้องออกเดินทางไปถึง 2 ปี ด้วยเห็นว่าเป็นการเสียเวลาเปล่า แต่จากการเกลี้ยกล่อมของ โจซิอาห์ เวดจ์วูด ผู้เป็นน้องเขย จึงได้ยินยอมให้ดาร์วินร่วมเดินทางได้[27]
การเดินทางกับเรือบีเกิล
เส้นทางการเดินทางสำรวจของเรือหลวงบีเกิล
การเดินทางเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 1831 และใช้เวลาเดินทางรวมทั้งสิ้น 5 ปี ขณะที่เรือหลวงบีเกิลทำการสำรวจและทำแผนที่ชายฝั่งอเมริกาใต้นั้น ดาร์วินใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนฝั่งเพื่อสำรวจด้านธรณีวิทยาและเก็บสะสมตัวอย่างสำหรับการศึกษาประวัติศาสตร์ สมดังที่ที่ฟิตซ์รอยตั้งใจไว้[3][28] เขาเขียนบันทึกผลการสังเกตการณ์และการคาดเดาทางทฤษฎีอย่างละเอียด ระหว่างช่วงหยุดพัก ดาร์วินส่งของตัวอย่างกลับไปยังเคมบริดจ์ พร้อมกับจดหมายซึ่งมีสำเนาบันทึกงานเขียน การเดินทางของบีเกิล (The Voyage of the Beagle) ไปให้ครอบครัวด้วย[29] ดาร์วินค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยา รวมถึงการสะสมเต่าทอง และการผ่าตัดศึกษาสัตว์ทะเล แต่ในสาขาอื่นๆ แล้วเขาแทบไม่รู้อะไรเลย และเก็บตัวอย่างเอาไว้เพื่อส่งต่อไปให้ผู้เชี่ยวชาญอื่นตรวจสอบ[30] ดาร์วินเมาคลื่นมาก แต่กระนั้นก็ยังเขียนหนังสือมากมายขณะอยู่ในเรือ งานเขียนเชิงสัตววิทยาส่วนใหญ่เกี่ยวกับสัตว์ทะเลที่ไม่มีกระดูกสันหลัง เริ่มจากแพลงตอนซึ่งเก็บได้ระหว่างช่วงทะเลสงบ[28][31]
เมื่อเรือหยุดพักครั้งแรกที่ St. Jago ดาร์วินพบว่าแถบสีขาวที่อยู่ด้านบนหินภูเขาไฟนั้นมีเปลือกหอยอยู่ด้วย ฟิตซ์รอยมอบหนังสือเล่มแรกในชุด Principles of Geology ของ Charles Lyell ให้เขาเพื่อศึกษาแนวคิดหลักความเป็นเอกภาพ (Uniformitarianism) ของผืนดินที่ค่อยๆ ดันตัวขึ้นหรือถล่มลงหลังจากเวลาผ่านไปนานๆ[II] ดาร์วินเห็นเช่นเดียวกับ Lyell และได้เริ่มทฤษฎีและคิดจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับธรณีวิทยา[32] ดาร์วินดีใจมากที่พบป่าเขตร้อนที่บราซิล[33] แต่ก็ไม่ชอบใจที่พบเห็นการใช้งานทาสที่นั่น[34]
ที่ Punta Alta ใน Patagonia เขาได้ค้นพบครั้งใหญ่คือกระดูกฟอสซิลของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่สูญพันธุ์ไปแล้วในหุบเขา ข้างกันกับเปลือกหอยใหม่ๆ ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นการสูญพันธุ์เมื่อไม่นานมานี้โดยที่ไม่มีร่องรอยการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศหรือหายนะภัยใดๆ เลย เขาแยกแยะว่าซากนั้นคือ Megatherium โดยดูจากฟันและความสัมพันธ์ของโครงกระดูกซึ่งในตอนแรกเขาคิดว่าดูเหมือน armadilloในท้องถิ่นที่มีขนาดยักษ์ การค้นพบนี้กลายเป็นจุดสนใจอย่างมากเมื่อพวกเขากลับไปยังอังกฤษ[35][36] ขณะขี่ม้าไปกับพวกกอโช (gaucho) สู่ด้านในแผ่นดินเพื่อสำรวจทางธรณีวิทยาและเก็บรวบรวมฟอสซิลเพิ่มขึ้น เขาได้รับมุมมองด้านสังคม การเมือง และมานุษยวิทยา ในหมู่ชนพื้นเมืองกับชาวอาณานิคมในยุคของการปฏิวัติ และได้เรียนรู้ว่านก rhea สองชนิดนั้นอยู่แยกกันแต่มีอาณาเขตที่คาบเกี่ยวกัน[37][38] ยิ่งสำรวจไกลลงไปทางใต้ เขาแลเห็นที่ราบลดหลั่นกันเป็นชั้น เต็มไปด้วยกรวดและเปลือกหอยเหมือนกับชายหาดที่ยกตัวขึ้นมา เขาอ่านหนังสือเล่มที่ 2 ของ Lyell และยอมรับมุมมองว่าด้วย "ศูนย์กลางการสร้างสรรค์" ของสปีชีส์ แต่การค้นพบของเขากับทฤษฎีที่คิดขึ้นมานั้นท้าทายต่อแนวคิดของ Lyell ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องราบรื่น กับการสูญพันธุ์ของบางสปีชีส์[39][40]
ช่วงสุดท้ายของชีวิต
หนังสือเล่มสุดท้ายก่อนที่ดาร์วินจะเสียชีวิตในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1882 ศพของเขาถูกฝังอยู่ที่วิหารเวสต์มินสเตอร์ ผลงานหนังสือที่ตีพิมพ์ของดาร์วินเป็นผลงานที่มีประโยชน์อย่างมากทั้งทางชีววิทยา และมานุษยวิทยา โดยเฉพาะทฤษฎีวิวัฒนาการถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญในวงการชีววิทยา
ผลงาน
ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
บรรพชนมนุษย์ การคัดเลือกทางเพศ และพฤกษศาสตร์
อ้างอิง
 Coyne, Jerry A. (2009). Why Evolution is True. Oxford:Oxford University Press. p. 17. ISBN 0-19-923084-6. "ในหนังสือ The Origin ดาร์วินเสนอสมมุติฐานใหม่สำหรับการพัฒนา คือความหลากหลายทางชีวภาพและการออกแบบสิ่งมีชีวิต เนื้อหาส่วนใหญ่ในหนังสือนำเสนอหลักฐานซึ่งไม่เพียงสนับสนุนแนวคิดวิวัฒนาการ แต่ในเวลาเดียวกันก็หักล้างลัทธิเกี่ยวกับการสร้างสิ่งมีชีวิต ในยุคของดาร์วินนั้น มีการสนับสนุนหลักฐานประกอบทฤษฎีของเขา แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุป"
 Glass, Bentley (1959). Forerunners of Darwin. Baltimore, MD: Johns Hopkins University Press. p. iv. ISBN 0-8018-0222-9. "Darwin's solution is a magnificent synthesis of evidence...a synthesis...compelling in honesty and comprehensiveness"
 Bowler 2003, pp. 179, 338, 347
 The Complete Works of Darwin Online – Biography.darwin-online.org.uk. Retrieved on 2006-12-15
Dobzhansky 1973
 นักวิชาการดาร์วินชื่อ โจเซฟ คาร์โรล แห่งมหาวิทยาลัยมิสซูรี - เซ็นหลุยส์ เขียนไว้ในคำนำหนังสือของเขาเมื่อคราวตีพิมพ์งานของดาร์วินใหม่ว่า: "The Origin of Species เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับพวกเรา มันเป็นหนึ่งในงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลเพียงไม่กี่ชิ้น งานซึ่งเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ของพวกเราในระดับรากฐานไปอย่างถาวร ... มันเป็นงานที่รุนแรง แต่ก็คมคาย กระตุ้นจินตนาการ และน่าดึงดูดใจ"Carroll, Joseph, ed. (2003). On the origin of species by means of natural selection. Peterborough, Ontario: Broadview. p. 15.ISBN 1-55111-337-6.
 Desmond & Moore 1991, pp. 210, 284–285
 Desmond & Moore 1991, pp. 263–274
 van Wyhe 2007, pp. 184, 187
 doi:10.1007/BF00351923
This citation will be automatically completed in the next few minutes. You can jump the queue or expand by hand
 "Special feature: Darwin 200". New Scientist. สืบค้นเมื่อ 2 April 2011.
 Hart, Michael H. (2000). The 100: A Ranking of the Most Influential Persons in History. New York: Citadel. ISBN 0-89104-175-3.
 John H. Wahlert (11 June 2001). "The Mount House, Shrewsbury, England (Charles Darwin)". Darwin and Darwinism. Baruch College. สืบค้นเมื่อ 2008-11-26.
 Browne 1995, pp. 72–88
 Desmond & Moore 1991, pp. 42–43
 Browne 1995, pp. 47–48, 89–91
 Browne 1995, p. 97
 von Sydow 2005, pp. 5–7
 Darwin 1958, pp. 67–68
Browne 1995, pp. 128–129, 133–141
 Desmond & Moore 1991, pp. 94–97
 van Wyhe 2008b, pp. 18–21
 Gordon Chancellor; Randal Keynes (October 2006)."Darwin's field notes on the Galapagos: 'A little world within itself'". Darwin Online. สืบค้นเมื่อ 2009-09-16.
 Browne 1995, pp. 183–190
 Browne 1995, pp. 223–235
Darwin 1835, p. 7
Desmond & Moore 1991, p. 210
 Desmond & Moore 1991, pp. 189–192, 198
บรรณานุกรม
Anonymous (1882). "Obituary: Death Of Chas. Darwin"The New York Times (21 April 1882). สืบค้นเมื่อ 2008-10-30.
Bannister, Robert C. (1989). Social Darwinism: Science and Myth in Anglo-American Social Thought. Philadelphia: Temple University Press. ISBN 0-87722-566-4.
Bowler, Peter J. (2003). Evolution: The History of an Idea (3rd ed.). University of California Press. ISBN 0-520-23693-9.
Browne, E. Janet (1995). Charles Darwin: vol. 1 Voyaging. London: Jonathan Cape. ISBN 1-84413-314-1.
Browne, E. Janet (2002). Charles Darwin: vol. 2 The Power of Place. London: Jonathan Cape. ISBN 0-7126-6837-3.
Darwin, Charles (1835). Extracts from letters to Professor Henslow. Cambridge: [privately printed]. สืบค้นเมื่อ 2008-11-01.
Darwin, Charles (1837). Notebook B: (Transmutation of species). Darwin Online. CUL-DAR121. สืบค้นเมื่อ 2008-12-20.
Darwin, Charles; Wallace, Alfred Russel (1858). "On the Tendency of Species to form Varieties; and on the Perpetuation of Varieties and Species by Natural Means of Selection". Journal of the Proceedings of the Linnean Society of London. Zoology 3: 46–50.
Darwin, Charles (1859). On the Origin of Species by Means of Natural Selection, or the Preservation of Favoured Races in the Struggle for Life (1st ed.). London: John Murray.ISBN 1-4353-9386-4. สืบค้นเมื่อ 2008-10-24.
Darwin, Charles (1868). The variation of animals and plants under domestication. London: John Murray. ISBN 1-4191-8660-4. สืบค้นเมื่อ 2008-11-01.
Darwin, Charles (1871). The Descent of Man, and Selection in Relation to Sex (1st ed.). London: John Murray. ISBN 0-8014-2085-7. สืบค้นเมื่อ 2008-10-24.
Darwin, Charles (1872). The Origin of Species by Means of Natural Selection, or the Preservation of Favoured Races in the Struggle for Life (6th ed.). London: John Murray.ISBN 1-4353-9386-4. สืบค้นเมื่อ 2009-11-01.
Darwin, Charles (1887). Darwin, Francis, ed. The life and letters of Charles Darwin, including an autobiographical chapter. London: John Murray. ISBN 0-404-08417-6. สืบค้นเมื่อ 2008-11-04.
Darwin, Charles (1958). Barlow, Nora, ed. The Autobiography of Charles Darwin 1809–1882. With the original omissions restored. Edited and with appendix and notes by his granddaughter Nora Barlow. London: Collins.
Darwin, Charles (2006). "Journal". In van Wyhe, John.Darwin's personal 'Journal' (1809–1881). Darwin Online. CUL-DAR158.1–76. สืบค้นเมื่อ 2008-12-20.
Desmond, Adrian; Moore, James (1991). Darwin. London: Michael Joseph, Penguin Group. ISBN 0-7181-3430-3.
Desmond, Adrian; Moore, James; Browne, Janet (2004).Oxford Dictionary of National Biography. Oxford, England: Oxford University Press. doi:10.1093/ref:odnb/7176.
Dobzhansky, Theodosius (March 1973). "Nothing in Biology Makes Sense Except in the Light of Evolution". The American Biology Teacher 35: 125–129. สืบค้นเมื่อ 2008-11-04.
Eldredge, Niles (2006). "Confessions of a Darwinist". The Virginia Quarterly Review (Spring 2006): 32–53. สืบค้นเมื่อ 2008-11-04.
FitzRoy, Robert (1839). Voyages of the Adventure and Beagle, Volume II. London: Henry Colburn. สืบค้นเมื่อ 2008-11-04.
Freeman, R. B. (1977). The Works of Charles Darwin: An Annotated Bibliographical Handlist. Folkestone: Wm Dawson & Sons Ltd. ISBN 0-208-01658-9. สืบค้นเมื่อ 2008-11-04.
Hart, Michael H. (2000). The 100: A Ranking of the Most Influential Persons in History. New York: Citadel. ISBN 0-89104-175-3.
Herbert, Sandra (1980). "The red notebook of Charles Darwin". Bulletin of the British Museum (Natural History). Historical Series (7 (24 April)): 1–164. สืบค้นเมื่อ 2009-01-11.
Herbert, Sandra (1991). "Charles Darwin as a prospective geological author". British Journal for the History of Science(24): 159–192. สืบค้นเมื่อ 2008-10-24.
Keynes, Richard (2000). Charles Darwin's zoology notes & specimen lists from H.M.S. Beagle.. Cambridge University Press. ISBN 0-521-46569-9. สืบค้นเมื่อ 2008-11-22.
Keynes, Richard (2001). Charles Darwin's Beagle Diary. Cambridge University Press. ISBN 0-521-23503-0. สืบค้นเมื่อ 2008-10-24.
Kotzin, Daniel (2004). "Point-Counterpoint: Social Darwinism". Columbia American History Online. สืบค้นเมื่อ 2008-11-22.
Leff, David (2000). "AboutDarwin.com" (2000–2008 ed.). สืบค้นเมื่อ 2008-12-30.
Leifchild (19 November 1859). "Review of `Origin'".Athenaeum (1673). สืบค้นเมื่อ 2008-11-22.
Miles, Sara Joan (2001). "Charles Darwin and Asa Gray Discuss Teleology and Design". Perspectives on Science and Christian Faith 53: 196–201. สืบค้นเมื่อ 2008-11-22.
Moore, James (2005). "Darwin — A 'Devil's Chaplain'?"(PDF). American Public Media. สืบค้นเมื่อ 2008-11-22.
Moore, James (2006). "Evolution and Wonder – Understanding Charles Darwin". Speaking of Faith (Radio Program). American Public Media. สืบค้นเมื่อ 2008-11-22.
Owen, Richard (1840). Darwin, C. R., ed. Fossil Mammalia Part 1. The zoology of the voyage of H.M.S. Beagle. London: Smith Elder and Co.
Paul, Diane B. (2003). "Darwin, social Darwinism and eugenics". In Hodge, Jonathan; Radick, Gregory. The Cambridge Companion to Darwin. Cambridge University Press. pp. 214–239. ISBN 0-521-77730-5.
Smith, Charles H. (1999). "Alfred Russel Wallace on Spiritualism, Man, and Evolution: An Analytical Essay". สืบค้นเมื่อ 2008-12-07.
Sulloway, Frank J. (1982). "Darwin and His Finches: The Evolution of a Legend" (PDF). Journal of the History of Biology 15 (1): 1–53. doi:10.1007/BF00132004. สืบค้นเมื่อ 2008-12-09.
Sweet, William (2004). "Herbert Spencer". Internet Encyclopedia of Philosophy. สืบค้นเมื่อ 2008-12-16.
Wilkins, John S. (1997). "Evolution and Philosophy: Does evolution make might right?"TalkOrigins Archive. สืบค้นเมื่อ 2008-11-22.
Wilkins, John S. (2008). "Darwin". In Tucker, Aviezer. A Companion to the Philosophy of History and Historiography. Blackwell Companions to Philosophy. Chichester: Wiley-Blackwell. pp. 405–415. ISBN 1-4051-4908-6.
van Wyhe, John (27 March 2007). "Mind the gap: Did Darwin avoid publishing his theory for many years?". Notes and Records of the Royal Society 61 (2): 177–205.doi:10.1098/rsnr.2006.0171. สืบค้นเมื่อ 2008-02-07.
van Wyhe, John (2008). "Charles Darwin: gentleman naturalist: A biographical sketch". Darwin Online. สืบค้นเมื่อ 2008-11-17.
van Wyhe, John (2008b). Darwin: The Story of the Man and His Theories of Evolution. London: Andre Deutsch Ltd (published 1 September 2008). ISBN 0-233-00251-0.
von Sydow, Momme (2005). "Darwin – A Christian Undermining Christianity? On Self-Undermining Dynamics of Ideas Between Belief and Science". In Knight, David M.; Eddy, Matthew D. Science and Beliefs: From Natural Philosophy to Natural Science, 1700–1900. Burlington: Ashgate. pp. 141–156. ISBN 0-7546-3996-7. สืบค้นเมื่อ 2008-12-16.
Yates, Simon (2003). "The Lady Hope Story: A Widespread Falsehood"TalkOrigins Archive. สืบค้นเมื่อ 2006-12-15.
The Complete Works of Charles Darwin Online – Darwin Online; Darwin's publications, private papers and bibliography, supplementary works including biographies, obituaries and reviews
Darwin Correspondence Project Full text and notes for complete correspondence to 1867, with summaries of all the rest
งานโดยหรือเกี่ยวกับ ชาลส์ ดาร์วิน ในห้องสมุดต่างๆ ในแคตาลอกของ WorldCat
Darwin's Volcano – a short video discussing Darwin and Agassiz' coral reef formation debate
Darwin's Brave New World – A 3 part drama-documentary exploring Charles Darwin and the significant contributions of his colleagues Joseph Hooker, Thomas Huxley and Alfred Russel Wallace also featuring interviews with Richard Dawkins, David Suzuki, Jared Diamond
Interactive Google Map of Charles Darwin's Voyage of the Beagle Zoom in on the actual locations Darwin explored in both satellite and terrain mode, complete with Wikipedia links to descriptions of each location.
A naturalist's voyage around the world Account of the Beagle voyage using animation, in English from Centre national de la recherche scientifique
Anonymous (1873). Cartoon portraits and biographical sketches of men of the day. Illustrated by Waddy, Frederick. London: Tinsley Brothers. pp. 6–7. สืบค้นเมื่อ 2010-12-28.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น